ก่อนอื่นทนายขออธิบายก่อนว่าการแยกความแตกต่างของข้อหามียาไว้ครอบครอง กับครอบครองเพื่อเสพมีความสำคัญอย่างไร ประการแรกคือหากมิใช่เป็นการครอบครองเพื่อเสพเอง กฎหมายถือว่าเป็นกรณีความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดซึ่งกฎหมายกำหนดอัตราโทษไว้สูงกว่า โดยมาตรา 145 กำหนดอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 15 ปีและปรับไม่เกิน 1,500,000 บาท หากเป็นกรณีมีเหตุฉกรรจ์ตามวรรคสอง กำหนดอัตราโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงยี่สิบปี และปรับตัังแต่สองแสนบาทถึงสองล้านบาท นอกจากนี้ เจ้าพนักงานป.ป.ส.ยังมีอำนาจยึดทรัพย์สินของผู้ต้องหาหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อตรวจสอบและทำการริบทรัพย์ต่อไปได้
ตาม ประมวลกฎหมายยาเสพติดมาตรา 107 บัญญัติว่า “ห้ามผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ประเภท 2 หรือประเภท 5 หรือวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2 เพื่อเสพ
การ มีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษ ในประเภท 1 ประเภท2 หรือประเภท 5 หรือวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2ในปริมาณเล็กน้อย ซึ่งไม่เกิน ปริมาณที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกำหนดในกฎกระทรวงให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ”
มาตรา 164 ” ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1ประเภท 2หรือประเภท 5 หรือวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1หรือประเภท2เพื่อเสพ อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 107 ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท
ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ออกกฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ โดยมีผลบังคับใช้บังคับในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 โดยมีรายละเอียดังนี้
คดียาเสพติดขอบำบัดรักษาไม่ต้องติดคุก!!! - CSlawhouse.com
3 ตุลาคม 2024 at 22:32 น.[…] Previous PostNext Post » […]
คดียาสู้อย่างไรให้หลุด ??? - CSlawhouse.com
5 ตุลาคม 2024 at 14:42 น.[…] […]
คดียาเสพติดครั้งแรก - CSlawhouse.com
6 ตุลาคม 2024 at 16:05 น.[…] […]